4 ขั้นตอนมืออาชีพ “นักล่าอสังหาฯ ให้นักลงทุน”
ในต่างประเทศจะมีอาชีพ “นักล่าอสังหาริมทรัพย์ให้กับนักลงทุน” ซึ่งถูกเรียกกันว่าเป็น “Bird Dog” หรือ “คนอาสา (Scout)” หรือ “ผู้รับทำงานให้ (Jobber)” โดยเป็นที่นิยมทำกันอย่างกว้างขวาง เพราะสามารถสร้างเงินได้โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองเลย ใช้เพียงแค่สมอง แรงงานและเวลาเท่านั้น
จุดน่าสนใจของอาชีพนี้อยู่ตรงที่เป็นการทำเงินที่อาศัยเงินผู้อื่นอย่างแท้จริง
เพื่อแลกกับค่าธรรมเนียมที่จะได้รับเมื่อทำงานได้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นธุรกรรมธุรกิจแบบนี้ความเสี่ยงจึงมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเอาเสียเลย
เมื่อทำไปนานๆ เข้ายังเท่ากับการเรียนรู้และบ่มเพราะประสบการณ์ ทำให้มีโอกาสยกระดับตัวเองไปเป็นผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนมืออาชีพได้ด้วย ซึ่งการเริ่มต้นธุรกิจแบบนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยอ้างอิงแนวทางปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 ติดต่อนักลงทุนเพื่อชักชวนให้มาเป็นลูกค้า
กฎกำปั้นทุบดินนั่นคือก่อนเริ่มทำจะต้องพยายามหาลูกค้าที่เป็นนักลงทุนให้ได้อย่างน้อย 5 ราย
ซึ่งปกติช่องทางการเข้าถึงลูกค้าเหล่านี้มีอยู่หลายแห่ง เช่น ตามประกาศซื้ออสังหาริมทรัพย์ในหนังสือพิมพ์ จากตามหน้าเว็บบอร์ด จากการแนะนำ หรือจากการเข้าร่วมมอบรมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็ได้
ทั้งนี้ต้องโฟกัสเฉพาะลูกค้าประเภทที่แน่ใจว่ามีความต้องการ มีเงิน และพร้อมซื้ออสังหาฯ เท่านั้น สิ่งนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะเวลาเข้าไปติดต่อมักเจอแต่พวกที่ไม่ใช่นักลงทุนตัวจริงอาจเป็นแค่คนมองหาโอกาสในการฟลิป(Flipper) หรือบางครั้งก็เป็น Bird Dog เหมือนกับที่เราเป็นซึ่งคนเหล่านี้ไม่มีเงินสดอยู่กับมือที่พร้อมจะซื้อแต่อย่างใด
ขั้นตอนที่ 2 สืบหาเกณฑ์พิจารณาของนักลงทุนในการซื้ออสังหาฯ
โดยอาศัยคำถามต่าง ๆ เช่น ช่วงราคาที่ต้องการซื้อ จำนวนห้องนอนและห้องน้ำ อายุบ้าน พื้นที่ที่ต้องการ ต้องการมีสระว่ายน้ำในบ้านหรือไม่ ผู้ซื้อมีแผนในการปรับปรุงหรือทำอะไรหลังจากการซื้อแล้วหรือไม่อย่างไร ต้องการที่จะซื้อให้ได้เมื่อไหร่ ผู้ซื้อจะยอมจ่ายค่าโอนและค่าใช้จ่ายด้านภาษีให้กับผู้ขายหรือไม่ ผู้จะซื้อมีหุ้นส่วนหรือคนอื่นมาเกี่ยวข้องหรือไม่ คนเหล่านั้นมีส่วนในการตัดสินใจซื้อมากน้อยเพียงใด และเวลาตัดสินใจซื้อจะตัดสินใจโดยตัวเองได้ในทันที หรือต้องเรียกช่างหรือผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบก่อน
ขั้นตอนที่ 3 กำหนดค่าธรรมเนียมในการช่วยหา
ปกติจะขึ้นกับโอกาสการทำกำไรและความยากง่ายในการหาเป็นสำคัญ ทั้งนี้ในสหรัฐนิยมกำหนดกันที่ 1,000-3,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 30,000-90,000 บาท
โดยเงินค่าช่วยหานี้จะจ่ายให้กับผู้ช่วยค้นหาในรูปของค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนชื่อในสัญญา (An Assingnment Fee) โดยเมื่อเจอบ้านเป้าหมาย Bird Dog ส่วนใหญ่จะใช้วิธีทำสัญญาจะซื้อจะขายในชื่อตัวเองก่อน จากนั้นจึงค่อยทำการเปลี่ยนสัญญาให้กับผู้ซื้อกลายไปเป็นนักลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ควรต้องแน่ใจว่าได้เลือกเงื่อนไขระยะเวลาในการโอนไว้เพียงพอแล้วด้วย นั่นคืออย่างน้อยควรมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 30 วัน และมีเงื่อนไขที่จะสามารถทำการตรวจเช็คอสังหาริมทรัพย์ซ้ำอีกครั้งได้ด้วย
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือควรต้องระบุเงื่อนไขเพิ่มเติมในสัญญาจะซื้อจะขายไว้ว่า การซื้อนี้จะมีผลเมื่อได้รับความเห็นชอบจากหุ้นส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อน ซึ่งเงื่อนไขในสัญญาจะซื้อจะขายในลักษณะนี้จะช่วยให้ Bird Dog ผู้ทำสัญญามีสิทธิในทางกฎหมายในการยกเลิกสัญญาได้ หากไม่สามารถหาผู้ซื้อที่เหมาะสมได้ภายในระยะเวลา 30 วัน
ขั้นตอนที่ 4 โฆษณาและประชาสัมพันธ์
เพื่อทำให้คนรับรู้ว่าตัวท่านพร้อมที่จะจ่ายรางวัลเป็นเงินสดให้กับผู้หาบ้านหรือมีข้อเสนอดีๆ ให้กับท่านได้ โดยเน้นโฆษณาไปยังกลุ่มเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาทางการเงิน (Distressed Properties) ซึ่งจะช่วยให้สามรถเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ในราคาเพียง 50-60% ของราคาประเมินจริง ๆ
เคล็ดลับความสำเร็จก็คือจะต้องพยายามซื้อจากเจ้าของโดยตรง โดยต้องพยายามเลี่ยงอย่าไปซื้อบ้านที่ฝากขายกับนายหน้าอยู่ เพราะจะทำให้เกิดปัญหายุ้งยากตามมา หรือทำให้มีอุปสรรคในการเจรจาเงื่อนไขการซื้อ
กุญแจความสำเร็จในการล่าอสังหาฯ ให้กับนักลงทุน
● ลงพื้นที่สำรวจอสังหาริมทรัพย์อย่างละเอียด
● ตรวจเช็คอสังหาริมทรัพย์อย่างระมัดระวัง
● คิดคำนวณออกมาเป็นตัวเลขดู
● เซ็นสัญญากับผู้ขายแต่เนิ่นๆ
● เรียกเก็บค่าธรรมเนียมช่วยหาเมื่อเสร็จสิ้นการซื้อขาย
ที่มาจาก บ้านพร้อมอยู่
อนุชา กุลวิสุทธิ์
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน-การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
http://www.homed4u.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539363006